หย่าจิง เป็นเพื่อนสาวชาวจีนรูมเมทฉันเองค่ะ เธอบอกว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เท่าไรนัก แต่เธอน่ารักมากและเป็นมิตรดี ด้วยความที่เธอช่างพูดช่างคุยและฉันก็ซักเก่งพูดเก่ง เราเลยเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย
เราจะมีรูมเมทมาอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เธอผู้นั้นยังไม่ปรากฏตัว คาดว่าน่าจะมาภายในสองสามวันนี้ เพราะมหาวิทยาลัยจะเปิดแล้ว ห้องเพื่อนเมทฉันทั้งสองคนมีเฟอนิเจอร์ให้พร้อมนะ แต่ฉันไม่มี ตอนฉันคุยกับบริษัทที่ดูแลเรื่องห้องให้ เขาไม่ยอมให้ฉันได้เฟอร์นิเจอร์เด็ดขาด เพราะฉันอยู่ระยะสั้น แค่ 6-7 เดือน ก่อนจะย้ายไปเรียนต่อที่เยอรมัน แต่หย่าจิงอยู่ 2 ปี ขณะที่เพื่อนเมทอีกคน ฉันทายว่าคงอยู่นานเหมือนกันเพราะห้องได้รับการตกแต่งเรียบร้อยแล้ว
ลักษณะห้องที่เราอยู่เป็นตามที่เห็น แชร์ห้องครัว (KEITTIÖ) ห้องน้ำ (KH) กับระเบียง (parveke) ภาษานี้คือภาษาฟินนิชนะคะ ฉันอยู่ห้อง A หย่าจิงอยู่ห้อง C ส่วนห้อง B ตอนนี้ยังว่างอยู่ แต่ละห้องไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่ฉันว่าสะดวกสบายดี ข้อดีอีกอย่างคืออยู่ชั้นล่างสุดเลย แม้จะได้รับไอเย็นจากดิน ฝน และบรรยากาศชั้นล่างแต่ขนย้ายของสบายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับฉันที่ต้องหาโต๊ะ ตู้ เตียงมาไว้ในห้อง
หลังจากที่หย่าจิงได้ข่าวว่าฉันนอนขดหนาวสั่นปวดหลังที่พื้น หย่าจิงก็บอกว่าไม่ต้องห่วงนะ แล้วเธอก็จัดแจงติดต่อสมาคมคนจีนในกลุ่มเฟสบุ๊ค กับเพื่อนคนจีนของเธอในเมืองมหาวิทยาลัยแห่งนี้
เธอเดินมาหาฉัน ยื่นโทรศัพท์ให้ดู “เอาไหม” เธอถาม
ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าคือเตียงไม้เปลือยไร้เบาะ ฉันดีใจมาก (กระโดดกอดหย่าจิง) ไม่ต้องไปตระเวนซื้อของแล้ว เราตกลงราคากันทางโทรศัพท์เรียบร้อย แค่เตียงธรรมดา เหมือนเอาไม้มาตอกเองทั่วไป เขาขายให้ฉันที่ราคา 20 ยูโร ต่อเหลือ 18 ยูโร ราคาโอเคไม่เบา
แล้วหย่าจิง เพื่อนชาวจีนที่แสนดี ก็เดินมาลากมือฉัน บอกว่า “เราจะไปกันเดี๋ยวนี้” หมายถึงไปแบกเตียงกลับมาทันทีเลย ฉันนี่สุดจะซึ้ง นอกจากจะหาแหล่งซื้อเตียงไม้มือสองให้ ยังจะไปแบกเตียงกลับมาห้องกับฉันอีก
พอเราไปถึง ก็เจอครอบครัวชาวจีน พวกเขากำลังจะกลับประเทศวันพรุ่งนี้ เลยต้องพยายามขายของให้หมด “หนี ห่าว … หว่อ ชื่อ ไท่ กว้อ เหริน” (สวัสดี ฉันเป็นคนไทย) ฉันกล่าว แล้วฉีกปากกว้างทำตาเอ๋อหลังจากที่ครอบครัวจีนพ่นภาษาจีนใส่ฉันใหญ่ พูดภาษาจีนไม่ได้ค่ะ ฉันกล่าว
แล้วฉันก็เหลือบไปเห็นโต๊ะกับเก้าอี้เลยถามขอซื้อเลย โต๊ะไม้ธรรมดาขนาดไม่ใหญ่มาก มีลิ้นชักเล็กๆ อยู่ข้างๆ กับเก้าอี้นั่งสี่ล้อลากสีดำดูสะดวกสบายดี เขาจะขายให้ฉันในราคา 40 ยูโร แต่ฉันขอให้เขาลดให้หน่อย “30 ยูโร ได้ไหม” เขากับภรรยามองหน้ากัน คุยกันเป็นภาษาจีนสักพัก ฉันทำหน้าวิงวอน เขายิ้มแล้วตอบตกลง
ขอลอยสักนิด เขาบอกว่าฉันสวยค่ะ เลยลดให้ 😛
มิตรภาพวันนี้ที่ได้รับ ฉันรู้สึกประทับใจไม่น้อย สิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปคิดคือเรามักต้องการให้อีกฝ่ายทักเราก่อน เริ่มดีกับเราก่อน อาจเป็นความหยิ่งในตน หรือแค่กลัวที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ แต่ในความเป็นจริง สำหรับฉันแล้วแค่เพียงยิ้มกับการทักทาย ก็เป็นการเริ่มต้นมิตรภาพได้ระดับหนึ่งแล้ว ยิ้มไปเถอะค่ะ ถามไถ่ว่าวันนี้เป็นอย่างไร เรียนเหนื่อยไหม กินข้าวหรือยัง แสดงความห่วงใย ความใส่ใจ วันละนิดวันละน้อย แค่เพียงเท่านี้ คุณก็จะรับรู้ได้ว่าจริงๆ แล้วจะอยู่ที่ไหนคุณก็มีความสุขได้เสมอ
“สวัสดีหย่าจิง นอนหลับดีหรือเปล่า การบ้านเสร็จไหม ทานข้าวหรือยัง เรียนหนักหรือเปล่า” คือคำถามที่ฉันถามเพื่อนร่วมห้องคนนี้ทุกวัน
ดีกับคนอื่น ไม่ต้องหวังผลตอบแทน แล้วความดีนั้นมันจะย้อนกลับมาหาเราเอง
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
โชคดีนะน้องไข่มุกที่ได้เจอเพื่อนรูมเมทดีๆ มิตรภาพดีๆอยู่รอบตัวเราเสมอ
^__^
รอดูเรื่องถัดๆ ไปที่เขียนนะคะ เกี่ยวกับรูมเมทสุดแสนจะน่ารักคนนี้ เป็นอะไรที่สุดยอดมาก แล้วจะรู้ซึ้งค่ะ 5555