วันนี้ค่ะตั้งเข้าเมืองไปทำธุระและซื้อของให้เรียบร้อย รายการที่ขาดไม่ได้แน่ๆ มีแค่สองอย่าง คือ เปิดบัญชีธนาคาร กับ เช่าจักรยาน ที่เหลือไม่ว่าจะเป็นตู้ เตียง เบาะนอน ผ้าห่ม หรือข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ค่อยจัดการทีหลัง (เพราะฉันง่าย นอนพื้นได้ เก็บผักเก็บหญ้าจับแมลงแถวบ้านกินได้ 55)
ที่ฟินแลนด์การทำธุรกรรมการเงินทุกอย่างแทบจะใช้ผ่านบัตรเครดิต/เดบิตทั้งหมด และบางกรณี เช่น จ่ายค่าเรียน ค่าที่พัก ที่สำคัญคือต้องเป็นบัตรของธนาคารที่ฟินแลนด์ด้วยนะ ไม่งั้นโดนหักค่าชาร์จหัวบานแน่
ด้วยประการทั้งปวง การไปธนาคารจึงสำคัญที่สุด ฉันเดินเข้าเมืองประมาณ 4.5 กิโลเมตร วนๆ สักพัก เจอธนาคารที่ว่า ธนาคารเล็กมาก ป้ายเล็กมาก ไม่ได้ตั้งตระหง่านเด่นมาแต่ไกล สีเหลือง สีเขียว สีม่วงเหมือนที่เมืองไทย
จุดประสงค์ที่ไปธนาคารคราวนี้ เพื่อ “จอง” วันเวลาเปิดบัญชีเท่านั้นนะคะ ไม่ได้เพื่อเปิดบัญชีเล้ย ทุกอย่างที่นี่เป็นระบบ เคร่งครัด ไม่ได้มาถึงปุ๊ป อยากปิดบัญชีก็เปิด
แต่พนักงานหนุ่มหล่อผมทองเกริ่นขึ้นกับฉันว่า “ผมต้องพูดประโยคนี้ … เป็นครั้งที่สิบของวันแล้ว”
พูดซะฉันใจหาย คือ ฉันผิดอะไรรึป่าว ฉันตกใจ
“เต็มครับ เต็มเป็นเดือนเลย” เขาพูด “นักเรียนใหม่ของมหาวิทยาลัยให้รอวันปฐมนิเทศน์ ทางมหาวิทยาลัยและผู้เกี่ยวข้องจะช่วยประสานงานให้ครับ”
คุยกันไปสักพัก ลงเอยด้วยว่า แม้จะจองวันเสร็จ เปิดบัญชีธนาคารเรียบร้อย ก็ไม่สามารถเปิด “Internet Banking” หรือการทำธุรกรรมผ่านทางอินเตอร์เน็ต (การทำธุรกรรมออนไลน์) ได้ นั่นหมายความว่าฉันจะไม่สามารถจ่ายค่าที่พักและค่าลงทะเบียนทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยโดยไม่โดนชาร์จได้เลย
ใช้บัตรจากไทย ต้องโดนชาร์จกันอีกระลอกใหญ่ แล้วอัตราแลกเปลี่ยนธนาคาร ณ ตอนนี้ยิ่งสูงอยู่ด้วยสิ (ณ เวลาที่เขียนประมาณ 42 บาท)
เสียตังค์เพิ่มโดยใช่เหตุอีกแล้วสินะ
“แต่มันต้องมีทางออกสิ” ฉันคิด (แต่คิดไม่ออก) เลยได่แต่กล่าวขอบคุณ แล้วเดิมดุ่มๆ ท่ามกลางสายฝนอีกประมาณครึ่งชั่วโมงมองหาร้านเช่าจักรยาน
ภารกิจที่สอง
ไปถึงร้านปรากฏว่าจักรยานให้เช่าเหลืออีกแค่ 2 คันเอง คุณภาพอย่าให้พูดถึง สนิมเกาะ เบาะพัง เบรคมือไม่มี ไม่เพียงเท่านั้นนะ คันใหญ่มาก คือ ฉั น เ ตี้ ย ไ ง ขึ้นคร่อมทีให้ปั่นเลี้ยวซ้ายขวาบนถนนลื่นๆ จากน้ำแข็งและหิมะ คงได้ล้มหัวฟาดพื้นกันพอดี
ขณะยืนจ้องจักรยานครุ่นคิดว่าทำยังไงต่อดี ก็เจอหนุ่มบราซิลคนหนึ่งยืนอยู่ในร้านจักรยาน ฉันทักเขา แนะนำตัว เขาบอกว่าชื่อราฟาเอล ราฟาเอลบอกว่าให้เลือกจักรยานที่ล้อใหญ่ๆ กันลื่นได้ จะได้ไม่ล้ม
แต่ทำไงได้ล่ะ ไม่มีตัวเลือกให้ฉันแล้ว
ไม่ได้อะไรอีกตามเคย
ชีวิตฉันช่างน่าเศร้าเสียจริงๆ
ไปห้างแล้วกันเนาะ ซื้อใหม่ก็ได้ …
พอไปถึงนะ ก็ได้อึ้งกับราคาจักรยานที่สูงปรี๊ด จักรยานธรรมดา ราคาตั้งหมื่นกว่าบาทแน่ะ นี่ยังไม่รวมค่าหมวก ค่าล็อค ค่าตะกร้า ค่าไฟจักรยานนะ ถอนใจ ฉันอยู่ที่นี่หกเดือนกว่าเอง
ปิ๊ง … เอางี้ เหมือนมีไฟฉายส่องขึ้นมาจากหัว
ฉันมีขาอันใหญ่ล้ำและบึกบึนนี่
พ่อแม่ให้ขาฉันมาสองข้าง ขอใช้ให้เป็นประโยชน์ยิ่งไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน ว่าแล้วก็เดินตา-กลมตาก-ลมตากฝนกอีก 5 กิโลเมตรกว่าๆ แบกนม กล้วย สตรอเบอร์รี่ เสื่อโยคะ (ใช้แทนเตียง) กับผ้าห่มนุ่มหนาผืนใหญ่ผื่นหนึ่ง และของจิปาถะอีกมากมายกลับบ้าน
ฉันว่านะความไ่ม่ลงตัวหรือความสับสนงุนงงที่เกิดขึ้นเป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย มีคนเคยบอกฉันว่า ”พออะไรๆ เริ่มลงตัวก็จะสนุกเอง”
แต่ฉันว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับใจเราคิดทั้งนั้น ถ้าเรามัวแต่เคร่งเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้า แล้วเผชิญรับมันแบบหวาดผวา ก็จะกลัวและไม่สนุก แต่ถ้าเราคิดว่ามันท้าทาย เป็นอะไรใหม่ที่น้าค้นหา น่าลอง เราอาจจะมีความสุขกับมันก็ได้
ที่เค้าว่าคิดบวกแล้วดี มันดีจริงๆ นะ 🙂
Leave a Reply