ก่อนมาถึงที่นี่ฉันได้ติดต่อหาที่พักมานานเป็นระยะเวลาประมาณ 4-5 เดือนกว่าได้ ฉันเสิร์ชหาข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งหอพักทั่วไป หอพักนักเรียนและ airbnb หวังหาที่พักที่ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุด กะว่าพอถึงหน้าหนาวจะได้เดินกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องตากหิมะตากลม รอรถบัสหรือปั่นจักรยานบนถนนลื่นๆ ให้หนาวและเหงาหัวใจ
แต่หายังไงก็หาไม่ได้เลยค่ะ … เขาบอกว่าต้องจองล่วงหน้าเป็นปี
สุดท้ายลงเอยที่บ้านพักนักเรียนห่างจากมหาวิทยาลัยประมาณ 3 กิโลเมตร การเดินทางจากบ้านพักไปมหาวิทยาลัยหรือเข้าเมืองสามารถทำได้โดยการ
- นั่งรถบัส (ต้องรอนานหน่อยและราคาสูง – รสบัสมาชั่วโมงละประมาณ 2 คัน)
- ปั่นจักรยาน (ถนนลื่น อาจไม่ชินและล้มได้) หรือ
- เดิน (ถูกแต่เหนื่อย หนาวและนาน)
ฉันก็ยอมนะคะ ตกลงเอาที่พักแห่งนี้ เพราะถ้าไม่เอาก็คงห่างจากเมืองไปอีกเรื่อยๆ เป็น 4, 5 หรือ 6 กิโลเมตร นี่ถือว่าใกล้สุดแล้วล่ะ
พอตัดสินใจได้แล้วก็คิดว่า แหม 3 กิโลเมตรเอง คงไม่เป็นปัญหาหรอกมั้ง เดิน 30 นาทีก็ถึงแล้ว แต่มันไม่เป็นแบบนั้นเลยสิคะ ฉันเดินเป็นชั่วโมง เพราะระหว่างทางรายล้อมไปด้วยต้นไม้สูง ตึกอิฐเตี้ยสีน้ำตาลเหมือนกันไปหมดยังไงยังงั้น รถรางหรือตึกสูงเป็นสัญลักษณ์ให้จำอะไรน่ะหรอ แทบไม่มีเลย
มึน
หลงทาง
ด้วยความที่มาถึงวันแรกตอนค่ำด้วย ร้านค้าปิดหมดแล้ว ร้านโทรศัพท์ซื้อซิมที่ไหนก็ไม่มี ไม่มีเน็ต ไม่มีแผนที่ มีแต่ใจเปลี่ยวๆ กับขาล้าเดินลากดิน … เดินวนไปวนมาจากบ้านพักเข้าไปในเมือง จากเมืองย้อนกลับมาที่บ้านพัก รวมระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร
แต่ด้วยความไม่รู้ทิศทางและลักษณะบ้านเมืองที่เหมือนกันหมดประกอบกับต้นไม้สูงรอบข้าง ฉันก็ดูโง่และเอ๋อกว่าเก่า เพราะฉันหาบ้านตัวเองไม่เจอ
มันเหมือนกันหมดเลย
ขนาดว่าฉันถ่ายรูปที่พักตัวเองไว้แล้วนะ กะว่าจะไว้ใช้เปิดดูกรณีหาบ้านไม่เจอ แต่รูปถ่ายอันล้ำค่าในโทรศัพท์กลับไม่ช่วยอะไรฉันเลยสักนิด
แล้วทำไมไม่ถามคนแถวนั้นให้ช่วยหาบ้านพักล่ะ … ก็มันไม่มีใครให้ถามนี่นา ไม่มีใครผ่านมาเลย ฉันเลยกลายเป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ บอบบางเดินอยู่กลางป่านอกเมืองอยู่อย่างเหงาๆ คนเดียว นึกๆ แล้วก็มองหากบ ถ้าเห็นแล้วจะกระโดดใส่ จูบสักฟอดสองฟอดใหญ่ๆ เผื่อจะกลายเป็นเจ้าชายเหมือนในการ์ตูนดิสนีย์ขี่ม้าขาวมาช่วย
เดินวนอีกสัก 10 นาที ฮู้เล่! เจอบ้านแล้ว เข้าไปถึงจะอาบน้ำแล้วกระโดดขึ้นเตียงนุ่มๆ นอนพักผ่อนให้หายเหนื่อย
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย ที่พักที่ฉันได้จองไว้คือห้องเปล่า ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีเตียง ไม่มีเบาะ ไม่มีหมอนหรือผ้าห่ม ไม่มีผ้าม่าน ไม่มีอะไรเลยนอกจากตู้เสื้อผ้า หรือจะเข้าไปนอนในนั้นดี
ว่างเปล่า
ดึกแล้ว ร้านค้าปิดหมด ฉันลงเอยด้วยการนอนพื้นเปลือยๆ ตื่นมากลางดึกเพราะหนาวมากมว๊าก อุณหภูมิข้างนอก 6 องศา ฮีตเตอร์ไม่ทำงาน เสียหรือยังไงไม่รู้ วันรุ่งขึ้นฉันเลยรีบส่งเมลล์ไปถามบริษัทที่ดูแลที่พัก เขาตอบว่า “ตอนนี้เขาปิดฮีตเตอร์ทั้งหมดทั่วตึก เพราะอากาศดี ไม่จำเป็นต้องใช้”
ค่ะ อากาศดี๊ดี … แต่ฉันหนาว
ปิดท้ายคืนนั้นด้วยการใส่เสื้อกล้ามสองตัว ตามด้วยฮีทเทค (เทคโนโลยีทันสมัยจากญี่ปุ่นที่ใครๆ ว่าดี๊แสนดี) แขนยาวอีกสองตัว ซ้อนด้วยเสื้อไหมพรมหนึ่งตัว และเสื้อกันหนาวโคลัมเบียทับอีกตัวหนึ่ง สวมถุงมือและถุงเท้าหนาอีกอย่างละคู่
ไม่อุ่นให้รู้กันไป
ทำไงได้ล่ะคะ เตียงไม่มี ผ้าห่มไม่มี พื้นก็เย็น อากาศข้างนอกหนาวก็หนาวอีก ปรับตัวและยิ้มรับประสบการณ์ท้าทายนี้ไปพลางๆ พลันนอนคิดว่าพรุ่งนี้จะเริ่มภารกิจไหนก่อนดี
Leave a Reply