“มาฟินแลนด์มาหาแม่หรอ” น้าสาวคนหนึ่งถามพอรู้ว่าฉันจะต่อเครื่องไปเมืองโยเอินซู
“มาเรียนค่ะ” ฉันตอบ (พลางคิดขำๆ ว่า “อ่อ เขาไม่ได้ด่าฉันนะ”)
ขณะที่ฉันกำลังแปลกใจว่า ทำไมต้องแม่ ทำไมถึงถามว่ามาหาแม่หรอ ฉันก็เหลือบไปเห็นชายร่างสูงผอม ผิวสีแทน วัยประมาณ 20 ต้นๆ เดินมาข้างๆ น้าสาวคนนั้น น้าสาวพูดขึ้นว่า “นี่ลูกน้าเอง กำลังพาไปสวีเดน” ครานั้นฉันก็ถึงบางอ้อว่า น้าสาวคงเชื่อมโยงสถานการณ์น้าและลูก กับสถานการณ์ของฉันและแม่กระมัง
พูดคุยกันสักพัก สรุปความได้ว่าน้าสาวอยู่ที่สวีเดนมา 3 ปี แล้ว น้าบอกว่าไม่ชอบสวีเดนเลย หนาว และเหงา ชอบเมืองไทยมากกว่า พร้อมกับสีหน้าที่อ่านได้ว่า “ถ้าเป็นไปได้ คงอยู่เมืองไทย” ได้ยินถึงตรงนี้ ฉันก็เริ่มใจตกแล้วสิ ก่อนมาก็คิดนะว่ามาเอาประสบการณ์แปลกใหม่ ฟินแลนด์การศึกษาดีติดอันดับหนึ่งของโลก สงบ ปลอดภัย อาชญากรรมต่ำมากถึงมากที่สุด แต่การไปอยู่เมืองหนาวติดลบถึง 35 หรือ 50 องศาที่ไร้แสงสว่าง ไม่มีดวงอาทิตย์ขึ้นเป็นระยะเวลาเดือนสองเดือน อาศัยท่ามกลางความมืดมิดนานไร้แสงสุริยันตร์ขนาดนั้น ฉันอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนที่ใครๆ เขาเตือนฉันมาก็ได้
“แต่คนไทยเยอะนะ ไม่ต้องห่วง” น้าสาวเสริม สงสัยเห็นสีหน้าแววตาที่กำลังไม่สู้ดีของฉันเป็นแน่ ฉันยิ้ม กล่าวขอบคุณ แล้วแยกจากกันไป
ฉันเคยคิดนะว่าฉันอยู่ได้แม้จะไม่มีคนไทย ฉันเชื่อเสมอว่าทุกคนที่เรารู้จักล้วนแต่เคยเป็นคนแปลกหน้าด้วยกันทั้งนั้น เราต้องผูกมิตร พูดคุย สานสัมพันธ์ เพื่อให้มิตรภาพนั้นมั่นคงและยาวนานต่อไป
แต่ฉันว่าฉันคิดผิดอยู่บ้าง ไม่มีคนไทย อาจจิงอยู่ที่ฉันอยู่ได้ แต่ฉันไม่รู้สึกอุ่นใจเสียทีเดียว การมีคนไทยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แค่เพียงรู้ว่าเป็นคนไทยด้วยกันก็สร้างความอบอุ่น ความปลอดภัยให้ฉันและคนไทยคนอื่นที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่แดนอื่นมานักต่อนักแล้ว แม้จะไม่สนิทกัน จะไม่ได้คุยกันทุกวันตลอดเวลา แต่คนไทยช่วยเหลือกันเสมอ
เมื่อหลายปีที่แล้วฉันไปเรียนต่อมัธยมปลายที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในมลรัฐอิลลินอยส์ (Illinois) สหรัฐอเมริกา เมืองที่มีประชากรแค่ 800 กว่าคน (ข้อมูลเมื่อปี 2013) คนไทยน่ะหรอ … ไม่ได้เจอหรอกค่ะ อย่าว่าแต่คนเอเชียเลย ฉันแทบจะเป็นเด็กหัวดำผิวเหลืองคนเดียวทั้งโรงเรียน
เรียนที่นั่นสักพัก ก็เจอป้าคนไทยคนหนึ่งอาศัยห่างจากเมืองฉันอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง (รถ) ป้าช่วยเหลือฉันหลายอย่าง ใจดี และให้คำแนะนำต่างๆ นานา ป้าขับรถทางไกลมารับฉันไปทานอาหาร พาฉันไปนอนพักที่บ้านป้า เที่ยวเล่นซื้อของ เหมือนกับฉันเป็นคนในครอบครัวแท้ๆ ของป้า จนปัจจุบันผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว ฉันกับป้ายังติดต่อกันอยู่เลย
จริงอย่างที่เขาว่า
“คนไทยไม่ทิ้งกันจริงๆ”
ขอบคุณป้ามากนะคะ ป้าสิรินา
อยู่ที่นี่ไม่รู้จะเป็นอย่างไร จะมีไทยหรือไม่ ฉันก็คิดบวกและเชื่อว่ายังไงฉันก็อยู่ได้
Leave a Reply