
ภาพจาก CHULA: CU Campus
เรียน อักษรฯ ได้ยินเสมอว่าเรียน กว้างมาก กว้างไป ครอบจักรวาล เรียนไปหาอะไรก็ไม่รู้!! เรียนรู้หมดรู้ครบไปเพื่อ!! (ในสาขาสังคมศาสตร์-มนุษยศาสตร์) ในเมื่อเอาไปทำอะไร โดยตรง ก็ไม่ได้ หาที่ทำงาน ก็คงต้องแข่งขันสูงหน่อย เพราะไม่ได้เรียนสายอาชีพ หรือ สาขาเฉพาะ
แต่เชื่อเถอะค่ะ เรียนกว้างๆ น่ะ ดีแล้ว มีอิสระ ความคิดโลดแล่น ไม่โดนบีบ หลุดกรอบได้ดี
หลังจากจบปริญญาตรีอักษรฯ นิสิตหลายคนพะวงกับอนาคตตัวเองที่ดูล่องลอยในสูญญากาศ ฉันก็ล่องลอยบ้าง แต่คิดในแง่บวกว่า ตัวฉันนั้นมี ทางเลือก ให้เลือกมากมาย ที่จะไปต่อได้ … แต่จะไปไหนดีนะ จะ อยู่กับความเป็นอิสระก่อน จะ ทำงาน หรือ จะเรียน เป็นสามทางเลือกของพวกเราชาวอักษรศาสตร์
ฉันเลือกเรียนต่อปริญญาโท ด้านภาษาศาสตร์คลินิก ทันทีที่เรียนจบ (สาขาประยุกต์ ของวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประสาทวิทยา จิตวิทยา ภาษาศาสตร์) เน้นเรื่อง “สมอง” ไม่ว่าจะเป็นโรค ที่เกี่ยวกับสมอง อาการ/พฤติกรรมของโรคที่เกี่ยวกับความบกพร่องทางสมอง (ออทิสติก อะเฟเซีย ดิสเล็กเซีย พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ และอื่นๆ) เชื่อมโยงกับภาษา
ตลอดระยะเวลาที่เรียน ล้วนหมกมุ่นกับ
- โครงสร้างสมอง
- ระบบการทำงานของสมอง
- สแกนสมอง
- อ่านฟิล์มเอกซเรย์สมอง
- ใช้เครื่องสแกนสมอง
- ศึกษาและดูงานวิจัยการไหลเวียนของเลือดในสมอง
- คลื่นไฟฟ้าในสมอง
อะไรๆ ก็สมองไปหมด จุดไหนในสมอง เกิดการกระตุ้นตรงไหน เพราะอะไร เวลาคิด พูด อ่านภาษา สมอง มีปฏิกิริยาอะไรยังไง สมองของผู้รู้ และผู้เรียนภาษาที่สอง ที่สาม กับ ภาษาเดียวต่างกันไหม เป็นมะเร็ง/มีเนื้องอกในสมองที่เกิดบริเวณของสมองที่ควบคุมภาษาจะทำอย่างไรได้บ้าง ดูได้ยังไง บลาๆ หันไปทางไหนเจอแต่ภาพสมอง สมอง สมองเต็มไปหมดเลย
มันก็ “แคบ” ไปดีนะคะ ถ้าให้ใช้ภาษาสวยๆ คงต้องบอกว่า มัน “เจาะจง” ดี จนบางเวลารู้สึกว่าอิสระของการเรียนรู้ ทักษะการแถหลุดโลก ที่ได้ใช้จากการเรียนที่ผ่านมาจากตอนเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ และการคิดวิเคราะห์อย่างลึกมากมายจนเหมือนว่า คิดเกินกว่าที่ผู้เขียนจริงตั้งใจไว้ (โดยเฉพาะวิเคราะห์หนังสือ/บทความพวกปรัชญา/วรรณคดี) ในช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมา ได้หายไปอย่างไม่เหลือเลย
ตอนนี้กับสาขาที่เรียนอยู่ จะให้คิดโลดแล่น นอกกรอบ หลายมุม อย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน ก็ไม่ได้ ทุกอย่าง ต้องเป็นไปตามข้อจำกัด ของโครงสร้างอวัยวะของมนุษย์ มีสถิติ และหลักฐานในเชิงวิทยาศาสตร์รองรับเสมอ จะคิดว่ามันไม่ดีก็ไม่ใช่ แต่มันเป็นการเรียนที่ “เฉพาะทาง” มากขึ้น มันคือสิ่งที่ เด็กอักษรฯ ขวนขวาย มันคือความเป็น “วิชาชีพ” ที่หลายคนต้องการ
สำหรับบางคน ความไร้ขอบเขตที่อักษรฯ มอบให้ อาจทำให้ดูเคว้งคว้าง เหว่ว้าบนโลกที่กว้างใหญ่อยู่แล้ว แต่ในฐานะศิษย์เก่าในคณะคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ได้มาอยู่ในแวดวงที่เฉพาะทางมากขึ้น อยากให้นิสิตปัจจุบันและนิสิตอักษรฯ ในอนาคต “มีความสุขและสนุก” กับการเรียนตอนนี้ เพราะ เมื่อหมดโอกาสนั้นแล้ว อิสระที่เคยมีอาจหายไปก็ได้นะคะ
บางทีอาจรู้สึก เหมือนโดนกักขัง ในกรอบเล็กๆ ถูกพันธนาการไว้ จนบางครั้งอยากหลบหนีออกมา
- อ่าน บทความ ประสบการณ์นิสิตอักษรศาสตร์ คลิกที่นี่
- อ่าน บทความอื่นๆ ด้านการศึกษา คลิกที่นี่
Choosing this faculty for admission is the best choice of my life 🙂
Agreed. Although before getting to this point, I was (am sure as others) struggling with the decision made, and the “what ifs”. What if I had chosen another path? Would that give me a more secure and stable job?
As Life is about making choices and making mistakes, there’s no right or wrong when you choose what you love to study.
Language&Humanities are not useless at all but actually paves so many ways to future career tracks and a person who you want to be,
I, too, hope that this message can get to others, and that they see the ultimate true value of this field.